‘หุ้นหมูไก่’เจ็บหนัก! สงครามดันราคาอาหารสัตว์พุ่ง
admin - March 6, 2022อีกหนึ่งผลพวงจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะ “ข้าวสาลี” และ “ข้าวโพด” ที่เป็นสินค้าส่งออกหลักของทั้ง 2 ประเทศ
โดยรัสเซียเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ของโลกคิดเป็นสัดส่วน 10% ของผลผลิตทั้งโลก และมีสัดส่วนการส่งออกถึง 20% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมดของโลก ส่วนยูเครนเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก และยังส่งออกข้าวโพดคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของปริมาณการส่งออกทั้งโลก
เมื่อราคาข้าวสาลีและข้าวโพดซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์ในประเทศขยับขึ้นตามทันที เกษตรกรผู้ลี้ยงสัตว์ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วจะถูกส่งต่อมาที่ราคาขายปลีกเนื้อสัตว์ที่ต้องปรับขึ้นตามไปด้วย
โดยราคาอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในทวีปอเมริกาใต้ ทำให้ผลผลิตถั่วเหลืองซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบหลักขาดแคลน
รายงานจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยว่า ผลผลิตถั่วเหลืองของบราซิล อาร์เจนตินา ปารากวัย ลดลงรวมกันเกือบ 20% และล่าสุดยังมีผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเข้ามาซ้ำเติมอีก
แน่นอนว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเห็นจะเป็นธุรกิจเลี้ยงสัตว์ ซึ่งในตลาดหุ้นไทยมีอยู่หลายบริษัท เช่น ผู้ประกอบการายใหญ่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เจ้าของสมญานาม “ครัวโลก” ที่มีธุรกิจครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์ เลี้ยงสัตว์ซึ่งมีทั้งหมู ไก่ สัตว์น้ำ ไปจนถึงธุรกิจอาหาร
บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ทำทั้งอาหารสัตว์ เลี้ยงหมูและไก่ ส่วนบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เป็นอีกหนึ่งผู้เลี้ยงไก่รายใหญ่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของแต่ละบริษัทจะมากหรือน้อย คงต้องขึ้นอยู่กับสัญญาในการสั่งซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์หรืออาหารสัตว์สำเร็จรูปของแต่ละบริษัทด้วยว่าเป็นอย่างไร ถ้าเป็นสัญญาระยะยาว มีการล็อกราคาไว้ล่วงหน้าผลกระทบก็จะน้อยกว่า
แต่ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วเห็นจะเป็นราคาหุ้น โดย CPF ราคาหุ้นปีนี้ดิ่งมาแล้ว 10% จากราคาต้นปีที่ 27 บาท มาปิดล่าสุด 24.30 บาท สำหรับ CPF นอกจากประเด็นต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ยังมีความกังวลต่อธุรกิจของบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศรัสเซีย ซึ่งมีทั้งธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มหมู และไก่ครบวงจร
โดยก่อนหน้านี้ ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มองว่าความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
แต่อย่างไรก็ตามในวิกฤติก็ย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ ซึ่งในฝั่งยุโรปน่าจะได้รับกระทบมากที่สุด ส่วนในภูมิภาคเอเชียและประเทศไทยมองว่าผลกระทบยังจำกัด
ส่วนราคาหุ้น TFG ล่าสุดปิดที่ 4.18 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 2.34% และหากย้อนดูตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้น TFG ดิ่งแรงถึง 18% จากราคา 5.10 บาท
ด้าน GFPT ล่าสุดปิด 13.20 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.49% ส่วนปีนี้ราคาหุ้น GFPT ปรับตัวลงมาแล้ว 2.94% จากต้นปีที่ 13.60 บาท
ด้านบล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะส่งผลกระทบจำกัดต่อ CPF โดยยอดขายในรัสเซียคิดเป็น 3% ของยอดขายรวมของบริษัท ซึ่ง 98% เป็นการทำธุรกิจหมูและไก่ในรัสเซีย รวมถึงการกู้เงินในรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิลทั้งหมด
อย่างไรก็ตามการส่งออกไปยังยุโรปมีแนวโน้มสูงขึ้น หลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เพราะจะมีการสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากยูเครนเป็นผู้ผลิตเนื้อสัตว์สูงเป็นอันดับ 2 ของยุโรป
ส่วนบล.เคจีไอ มองตรงกันว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบจำกัดต่อบริษัทลูกของ CPF ในรัสเซีย ทั้งนี้ 90% ของหนี้เป็นหนี้ระยะยาวและอยู่ในสกุลรูเบิล คาดว่าผลกระทบทางบัญชีจากการอ่อนค้าของสกุลเงินรูเบิลจะน้อยมาก เพราะรายได้จากธุรกิจในรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของรายได้รวมเท่านั้น
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket
Archives
Calendar
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |