โบรกฯกะเทาะกำไร บจ.ไทย ลุ้นปี’65 ฝ่าปัจจัยเสี่ยงโตเกิน 1 ล้านล้าน
admin - March 21, 2022
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพิ่งรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ประจำปี 2564 ไป โดยเป็นข้อมูล บจ. 757 บริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 97.1% จากทั้งหมด 780 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ บจ.ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) พบว่า บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ SET มีกำไรสุทธิรวมกันอยู่ที่ 985,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ขณะที่ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ mai มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 8,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 273.6% YOY
Q4/64 กำไร บจ.โตเกินคาด
โดย “มงคล พ่วงเภตรา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที (KTBST) เปิดเผยว่า จากการคำนวณ บจ.ที่ส่งงบการเงินแล้วกว่า 816 บริษัท (ไม่นับรวมการบินไทย) พบว่าภาพรวมมีกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 1.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.19% YOY เฉพาะไตรมาส 4/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YOY และเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)
“ในไตรมาส 4/2564 เห็นการโตเกินคาดมาก เหตุผลหลักคือ เกือบทุกเซ็กเตอร์มีกำไร ยกเว้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมที่ยังขาดทุน หากพิจารณาเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก (mid/small-cap) มีอยู่ราว 600-700 บริษัท กำไรโตเกือบ 50% YOY นอกจากนี้ บจ.มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเกือบ 10,000 ล้านบาท”
4 เซ็กเตอร์เด่นดันกำไรตลาดพุ่ง
โดยกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารเป็นตัวช่วยหนุนกำไรตลาด คิดเป็นสัดส่วนกำไรกว่า 50% สะท้อนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยกำไรหลัก ๆ มาจาก บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ส่วนแบงก์ฟื้นตัวจากการลดการตั้งสำรองและสินเชื่อเริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กลุ่มค้าปลีกเป็นอีกกลุ่มที่มีกำไรโตดีตามการบริโภคฟื้นตัวหลังการเปิดเมือง รายได้จากการขายและรายได้ค่าเช่าเริ่มใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 กำไรห้างสรรพสินค้ามีการโตทั้งระดับ YOY และ QOQ โดยการรวมกิจการแม็คโคร-โลตัส ทำกำไรไตรมาส 4/2564 ของ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) พุ่งขึ้นถึง 9,000 ล้านบาท
รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกกลุ่มที่ไม่น่าเชื่อว่ากำไรจะโตได้ 2 ไตรมาสติดต่อกัน เหตุผลสำคัญ คือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการออกโครงการใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงผ่อนปรนมาตรการ LTV (loan to value ratio-อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน)
“นี่คือ 4 เซ็กเตอร์หัวใจหลักของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีกำไรรวมกันคิดเป็น 59% ของกำไรตลาด แต่ก็จะมีอีกกลุ่มที่ยังคงได้ประโยชน์จากโควิด-19 นั่นคือ กลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ภาพกำไรปี 2564 ที่พุ่งขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการขายเงินลงทุน อาทิ กำไรจากกลุ่ม ปตท. ขายหุ้น บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) รวมถึงดีลควบรวมกิจการแม็คโคร-โลตัส เป็นต้น”
ปี’65 กำไร บจ.โตต่อเนื่อง
สำหรับไตรมาส 1/2565 ประเมินว่ากำไร บจ.ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นด้วย 3 เหตุผล คือ 1.กลุ่มเรียลเซ็กเตอร์ โตและฟื้นตัวชัดเจนมาก ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายทำให้ผลประกอบการกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินดีขึ้น 2.ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ระดับสูง ทำให้บริษัทพลังงานกลุ่มโรงกลั่นจะมีกำไรสต๊อกน้ำมันเข้ามาสูงถึงระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท และ 3.สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอยู่ไม่ได้ขวางการเติบโตของหุ้น โดยคาดว่ากำไรกลุ่มโรงพยาบาลยังดี
“กำไรตลาดน่าจะโตดีในครึ่งปีแรก ทำให้พอมองเห็นแล้วว่าทั้งปี 2565 ไม่น่าจะน้อยกว่าปี 2564 โดยคาดกำไรจะอยู่ที่ 1.07 ล้านล้านบาท โต 6.4% YOY ซึ่งครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ ธุรกิจต่าง ๆ จะปรับตัวดีขึ้นหมด ประกอบกับมีส่วนเพิ่มจากกำไรหุ้นใหม่เข้ามา IPO เฉลี่ยปีละประมาณ 3-4% ทั้งนี้ ประเมินกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2565 อยู่ที่ 90.3 บาทต่อหุ้น โต 2.6% ส่วนดัชนี SET Index สิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1,783 จุด โดยให้กรอบปีนี้ที่ 1,656-1,846 จุด” นายมงคลกล่าว
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ประเมินปี 2565 กำไรตลาดหลักทรัพย์ฯจะอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท โต 10% YOY กำไรต่อหุ้นที่ 93.6 บาทต่อหุ้น โดยคาดดัชนี SET Index สิ้นปีนี้ 1,680 จุด แต่ทั้งนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับดาวน์ไซด์กำไรต่อหุ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยราคาน้ำมันขึ้นทุก 10 เหรียญ จะกระทบ GDP ไทยราว 0.5-1% และผลจากค่าเงินยูโรอ่อนค่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อราคาตั๋วแพงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป โดยนักท่องเที่ยวที่หายไปทุก ๆ 3.3 ล้านคน จะกระทบ GDP ประมาณ 1%
ราคาน้ำมันสูงหนุนกำไรตลาด
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ปีนี้กำไรตลาดหลักทรัพย์ฯจะโตต่อเนื่องที่ 1.05 ล้านล้านบาท (รวมกองทุนอสังหาฯ-รีท) ภาพ EPS มีกำไรโตต่อได้ประเมินไว้ที่ 89.1 บาทต่อหุ้น โดยดัชนี SET Index สิ้นปีน่าจะยืนเหนือ 1,810 จุดได้ไม่ยาก เพราะภาพเศรษฐกิจหลายสำนักให้กรอบไว้ GDP จะโต 3.5-4.5% ถือว่าจะโตได้โดดเด่นกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และจะโตต่อเนื่องในปี 2566
“เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นจากฐานที่ต่ำ ตั้งแต่ปีนี้ไปอีก 2 ปี ขณะที่ทิศทางกำไรตลาดฟื้น ซึ่งตามสถิติแล้วหุ้นมักจะไปต่อได้ มีส่วนช่วยหนุนจากกำไร บจ.ไตรมาส 1 ของทุกปี หลายเซ็กเตอร์จะทำกำไรสูงสุดเมื่อเทียบไตรมาสอื่น ๆ เช่น กลุ่มพลังงาน แบงก์ ไอซีที วัสดุก่อสร้าง อาหาร เกษตร และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ยืนในระดับสูงจะหนุนกำไรตลาด และการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 5-7 ครั้ง ดังนั้น ตลาดหุ้นต่างประเทศจะโดนกดดัน P/E ลดลง แต่ตลาดหุ้นไทยยังเป็นภาวะการซื้อขาย P/E ปกติ”
จับตา เม.ย.แห่ปรับประมาณการ
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า แนวโน้มปี 2565 ที่ตลาดคาดการณ์ (consensus) อาจยังไม่ได้ซึมซับเรื่องระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง ถ้ามีการรับรู้เมื่อใดจะเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 ได้ ซึ่งระลอกถัดไปคือช่วงต้นเดือน เม.ย. 2565 โดยหลาย บจ.อยู่ในกลุ่มภาคการผลิต ซึ่งช่วงนี้ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างไรก็ตาม ปีนี้กลุ่มพลังงานยังดูดีด้วยราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงกว่าปีที่แล้ว
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า กำไรของ บจ.ไทยจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ ท่ามกลางปัจจัยลบที่มะรุมมะตุ้มเข้ามาตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีแรก
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance
Archives
Calendar
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |